23 ธ.ค. 2552

ไดอารี่เล่มแดง 4 : โลก ชีวิต มนุษย์ ความเปลี่ยนแปลง

ในโลกที่แสนจะกว้างใหญ่ โลกใบกลมๆ มีน้ำทะเล มีน้ำแข็งที่ขั้วโลก มีพื้นดิน มีท้องฟ้า
ที่สวยงาม แล้วมนุษย์อย่างเร็ว ก้ออาศัยอยุ่ รอบๆโลก สงสัยเหมือนกันทำไมเราถึงไม่ร่วงหล่น
หลุดออกไปนอกโลก นอกอวกาศ เขาแรงโน้มถ่วง โลกของเรามีแรงดึงดูด ใช่ใหม
น้ำแข็ง แต่ละปีมันละลาย พังทะลายลง ทุกๆปี โลกเรามันร้อนขึ้น

เมื่อก่อน อากาศร้อน ยังไม่เคยร้อนมากมายเหมือนตอนนี้ อากาศตอนนี้ ยิ่งถ้าใส่แขนสั้น
รู้สีกได้ ถึงความร้อนที่มันเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิม มากกว่าก่อนหน้านั้นเสียอีก ยังไม่รู้เลย
คนรุ่นหลัง จากนี้ต่อไปจะอยู่กันได้อย่างไร ก็คงต้องปรับตัวกันไป ใช่ใหม โลกเราเป็นเช่น
มันก็เพราะความเจริญ ความรุ่งเรือง ของ สังคม ของอารยประเทศ

ทั้งหลาย (นี่เรากำลังบ่นให้ฟัง ไม่จำเป็นต้องอ่านให้จบก้อได้ไม่ว่า) โลกมันร้อน ก้อไม่ใช่
เพราะใครที่ใหน เราทำกันเองทั้ง นั้น ความเจริญมีที่ใหน ที่นั่นก้อความเสื่อมถอยของ
บางสิ่ง สิ่งแวดล้อม รอบข้าง คนเรามันคิดไม่เหมือนกัน มีเงิน ใครๆ ก้ออยากลงทุน
ทำธุรกิจ สร้างฐานะ สร้างเนื้อสร้างตัว ไม่แปลก ที่คิดแบบนั้น

แต่ถ้าเป็นไปได้ ไม่ทำความเดือดร้อนให้คนอื่น ก็เป็นพอ เท่าที่เห็นทุกวันนี้ ไม่ว่าจะ
เป็นที่ใหน ที่มีนิคมอุตสาหกรรม ที่นั่นเจริญมาก แต่ลองมองไปที่สิ่งแวดล้อ ม
น้ำเน่าเสีย ยากที่จะเยียวยา ปลาน้อยใหญ่ น้ำใส ที่เคยมีมา มันจางหายสูญสิ้นไปหมด
อาชีพเก่าแก่ อาชีพพาปลา ของชาวบ้านตาดำๆ หมดลู่ทางทำมาหากิน

ก็ต้องพึ่ง หางานทำ ในโรงงานอุตสาหกรรม โลกเราจากก่อนหน้านั้น กับตอนนี้ มันแตกต่าง
กัน ลองไปหาดู แล้วเอามาเปรียบเทียบกันดู ว่ามันแตกต่างกันอย่างไรบ้าง
ในเรื่องของความคิดคนเรา มันแตกต่างกัน คนเรามัน ต่างคน ต่างพ่อ ต่างแม่ ต่างศาสนา
ต่างสีผิว ต่างความคิด ต่างหน้าตา ต่างชาติพันธุ์ คนไทย ฝรั่งมังค่า คนจีน เกาหลี ญี่ปุ่น

ต่างภาษา ต่างทาทาง กิริยา วาจา ท่าทาง ต่างนิสียใจคอ ต่างกันหลายสิ่ง ต่างกันหลายอย่าง
คงไม่แปลก ที่ความคิด ความอ่านมันย่อมแตกต่างกันออกไป จะให้เป็นไปอย่างที่เราคิด
ทุกอย่างก็คงเป็นไปได้ ก็เข้าใจ คำว่ามนุษย์ หากใครจะว่า ไปตำหนิ ใครก้อคง ไม่ต้อง
ไปต่อต้าน ควรย้อนกลับมาดูตัวเองดีกว่า

เพราะเราต่อต้านหรือ ด่าว่า หรือตำหนิ เขากลับไปก็คง ไม่มีอะไรดีขึ้นมา สู้ ไม่ไปสู้รบปรบ
มือปล่อยให้เขาบ่นไปคนเดียวก็คงพอ ยอมรับตัวเอง ในสิ่งที่คิดว่าตัวเอง แล้วก้อไม่ต้อง
ไปเดือนร้อน ในสิ่งคนอื่นตำหนิ ติเตียน ในเมื่อตัวเราไม่ได้เป็นเช่นนั้น ใช่ใหม ใช่หรือไม่
ลองมองออกไปกว้าง ทุกวันนี้ เห็นมีแต่คนฉกฉวยโอกาส

ทุกวันนี้โลกเรามันเปลี่ยนไป หลายสิ่งหลายอย่างเปลี่ยนไปหมด คนเห็นแก่ตัวมันเพิ่ม
มากขึ้น ชัยชนะ คือความล้มเหลวของอีกฝ่าย ในขณะเดียวกัน ถ้าหากว่าล้มเหลว
ก็ลองกลับมาดูตัวเอง อะไรที่ทำให้ตัวเองล้มเหลว ความล้มเหลว ย่อมแปรเปลี่ยนชัยชนะ
ได้เช่นกัน หากเรายอมรับตัวเอง และปรับปรุงเปลี่ยนแปลงความล้มเหลว แล้วต่อสู้

แล้วก้าวเดินไปสู่ชัยชนะ อย่างรอบคอบ สุขุมเยือกเย็น ค่อยเป็นค่อยไป แต่มั่นคง
หรือจะวิ่ง พุ่งทะยานไปสู่ชัยชนะเพียงชั่วครู่ แต่สุดท้ายต้องพบกับความล้มเหลว
อย่างยาวนาน ความล้มเหลว ที่อาจจะต้อง ยอมเป็นฝ่ายปราชัยตลอดไป
คนดี คือ คนที่ไม่ทำผิดอะไรเลย ในโลกนี้ คงไม่มี ใครคนใหนที่ไม่เคยทำความ

ผิด ผิดแล้วกลับตัว กลับใจ เริ่มต้นกันใหม่ ไม่มีคำว่าสาย หากจะทำความดี (ก้อได้แต่
บ่น ผมก็แค่เขียน ไปอย่างที่อยากเขียน เขียนไปอย่าง ที่จินตนาการ เขียนไปอย่าง
สมองมันสั่ง เขียนไปอย่างทีสมองคิด คิดออกจากสมอง กรองมาจากจิตสำนึก จากใจ
แล้วพิมพ์ออกไปให้คุณได้อ่าน แต่คุณอาจจะเบื่อหรือเปล่า เราก็ไม่รู้

แต่ที่เรารู้คือเราจะเขียนไปเรื่อยๆ เขียนไปในแบบของผม) ยังไม่สายหากคิดจะกลับใจ โลก
มันไม่ได้สวยหรู อย่างที่คิดใช่ใหม ความแน่นอนคือความไม่แน่นอน เราจะไว้ใครได้บ้าง
โลกมันเปลี่ยนไปมากมายเหลือเกิน ก้อคงได้แต่ชีวิตอย่าง ระแวดระวัง นิสัยใจคอของคน
มันก้อเปลี่ยนไปเยอะ ลองย้อนไปก่อนหน้านั้น ตอนที่ ยังไม่เจริญรุ่งเรืองเหมือนปัจจุบัน

อู่ข้าวอุ่น้ำ ชาวบ้านหาปูหาปลา ทำไร่ทำนา ปลูกผัก ผลหมากรากไม้ ลองกลับไปถามพ่อ
แม่ดูซิก่อนหน้านั้นเขาทำอะไรกัน บ้าง ก่อนหน้านั้น สมัย บรรพบุรุษ เขาใช้ชีวิตกันอย่างไร
เขาไม่มีรถยนต์ ไม่มีโทรศัพท์ ไม่มีเครื่องบิน ไม่มีอินเตอร์เน็ต ไม่มีไฟฟ้าใช้กัน มีแต่ธรรมชาติ
ล้วน ไม่มีควันพิษ ไม่มีโรงงานอุตสาหกรรมมาปล่อยน้ำเสีย

ไม่มีห้างสรรพสินค้า มีแค่ผักผลไม้ ใบหญ้า ที่ปลูกกินกัน ที่เอามาแลกเปลี่ยนกัน ที่ขอกัน แบ่ง
กันกิน ตอนนี้ ในหัวเมืองมันหาไม่ได้แล้ว มันอยู่แค่ ชนบท ชานเมือง ไกล ออกมาเท่านั้น แต่
มันก้อคงไม่เหมือนเมื่อก่อนอยู่ดี แต่ก็ยังคงไว้แค่บางส่วนเท่านั้น เพราะที่นา ท้องไร่ท้องนา
ถูกนายทุนรุกซื้อ ทำไร่ ทำสวนปาล์ม ไร่มันสำปะหลัง ทำสวนทำไร่ขนาดใหญ่กันหมด

ทุกวันนี้คงได้แต่ปลง กับโลกใบนี้ ทุกคนหันให้ความสำคัญกับเรื่อง วัตถุนิยมกันมากขึ้น แม้
แต่ตัวผม เพราะผมก้อไม่ใช่คนดีมาจากใหน ก็แค่คนธรรมดาๆคนนึงเหมือนกันกับคุณ
ก็ไม่มีแปลกที่ทุกคนอยากได้อย่างมีกัน แต่แค่เราใช้ชีวิตของเราไปในแบบที่เราเป็น ในแบบ
ที่ไม่ทำให้คนอื่น หรือใครเดือนร้อน ก็คงพอ ใช้ชีวิต ในแบบที่ทำให้ตัวเองมีความสุข
แค่นั้นก้อพอแล้วใช่หรือไม่ จบแล้วครับ ไว้มาบ่นฟ้งใหม่ จะบ่นไปเรื่อย..................

เขียนโดย คนขี้บ่นคนนี้แหละ
เขียนเสร็จเวลา 12.05 น.
วันที่ 6 ธันวาคม 2552

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น